หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » อภิชิต อนันตประยูร
 
เข้าชม : ๑๙๙๙๘ ครั้ง
รูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมข้อพิพาท โดยหลักพุทธสันติวิธี : ศึกษากรณีผู้ประนีประนอมประจำศาลจังหวัดชลบุรี (สาขาวิชาสันติศึกษา)
ชื่อผู้วิจัย : อภิชิต อนันตประยูร ข้อมูลวันที่ : ๐๙/๐๓/๒๐๑๙
ปริญญา : พุทธศาสตรดุษฎีบัญฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระราชปริยัติกวี (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ)
  พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส
  พระมหาดวงเด่น ฐิตญาโณ
วันสำเร็จการศึกษา : ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
 
บทคัดย่อ

 

ดุษฎีนิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคของผู้ประนีประนอมข้อพิพาทประจำศาล จังหวัดชลบุรี (๒) เพื่อศึกษาวิธีการพัฒนาศักยภาพผู้ประนีประนอมข้อพิพาทและหลักพุทธธรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประนีประนอม                               (๓) เพื่อเสนอรูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมข้อพิพาทประจำศาลจังหวัดชลบุรี โดยหลักพุทธสันติวิธี สำหรับการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพภาคสนาม โดยใช้จิตอาสาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ประนีประนอมข้อพิพาทมากกว่า ๓ ปี ทั้งศึกษาจากเอกสารตลอดถึงงานวิจัยต่างๆ และการสัมภาษณ์เชิงลึก จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ๒๘ ท่าน รวบรวบข้อมูลมาวิเคราะห์ นำเกณฑ์ชี้วัดและข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมข้อพิพาทโดยหลักพุทธธรรมที่เหมาะควรแก่การพัฒนา ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ครบทุกมิติครอบคลุมทั้งภายนอกและภายในตามหลักของภาวนา ๔ ประการ และผลของการวิจัยพบว่า

 (๑) จากศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคของผู้ประนีประนอมข้อพิพาทประจำศาล จังหวัดชลบุรี พบว่าผู้ประนีประนอมข้อพิพาทบางส่วน มองข้ามปัจจัยสำคัญของการพัฒนาที่ได้รับข้อมูลมาจากสำนักส่งเสริมงานตุลาการของสำนักงานศาลยุติธรรม ภายใต้ความเชื่อมั่นของแต่ละคนและประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่เดิมมาอย่างยาวนาน ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ความรู้ความสามารถ อีกทั้งผู้ประนีประนอมบางคนคุ้นชินกับการอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ก่อนที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จึงเป็นการยากที่จะยอมรับทฤษฎีของกระบวนการอบรมและพัฒนาศักยภาพสมัยใหม่ แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย ซึ่งมุ่งผลความสำเร็จในทางคดีมากกว่าการมุ่งที่จะให้เกิดสันติสุขแก่สังคม ยังขาดการใช้เครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาตน ตลอดถึงขาดการนำหลักธรรมมาพัฒนาตนให้มีความดีพร้อมและสมบูรณ์

(๒) ศึกษาวิธีการพัฒนาศักยภาพผู้ประนีประนอมข้อพิพาทและหลักพุทธธรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งผู้วิจัยพบและเห็นควรที่จะนำเอาหลักภาวนา ๔ มาใช้เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนา ตลอดถึงการมุ่งเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์และสังเคราะห์แล้ว พบว่าการพัฒนาผู้ประนีประนอมนั้นมี ๓ ระยะ ส่วนหลักธรรมที่ส่งเสริมและเหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพภายในของผู้ประนีประนอมขั้นสูงสุด คือ อารยวัฒิ ๕ หรือการเจริญที่สูงส่ง หนึ่งในเจ็ดของหลักสัปปุริสธรรมที่เป็นภาคแสดงของการพัฒนา ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่จะนำไปใช้เสริมต่อยอดศักยภาพเพิ่ม  และขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ประนีประนอมข้อพิพาทผู้นั้นเป็นหลัก

(๓) เสนอรูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมข้อพิพาทประจำศาลจังหวัดชลบุรี โดยหลักพุทธสันติวิธี นำผลจากการวิเคราะห์มาสร้างเป็นรูปแบบสำหรับการพัฒนาผู้ประนีประนอมข้อพิพาท รวม ๔ ด้าน โดยผู้วิจัยใช้หลักภาวนา ๔ เป็นกรอบในการดำเนินการวิจัย  รูปแบบที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมีกระบวนการ ๗ ขั้นตอน คือ ๑) พัฒนาผู้ประนีประนอมให้มีทัศนคติเชิงบวก ๒) ฝึกอบรมให้เป็นผู้ฟังอย่างลึกซึ้ง เน้นการสร้างความไว้วางใจ ๓) วางหลักภาวนา ๔ เป็นกรอบในการพัฒนาให้ครบทั้งสี่ด้าน ๔) กระตุ้นให้เกิดความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาสร้างองค์ความรู้เพิ่ม ๕) ยกระดับให้เป็นผู้มีจิตอาสา ๖) ทุกระยะของการพัฒนาศักยภาพของตนและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรนำหลักสัปปุริสธรรมทั้งเจ็ดประการมาใช้เป็นภาคแสดงอย่างครบถ้วน ๗) มุ่งสู่เป้าหมายหลักที่สำคัญคือ การนำสังคมให้อุดมด้วยสันติ

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕