หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระสุทธิพงษ์ สุเมธโส (งอกลาภ)
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๖ ครั้ง
การบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๓๐ (สาขาวิชาพุทธบริหารการศึกษา)
ชื่อผู้วิจัย : พระสุทธิพงษ์ สุเมธโส (งอกลาภ) ข้อมูลวันที่ : ๒๘/๐๔/๒๐๑๙
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  เจ้าอธิการบุญช่วย โชติวํโส
  พระครูสโมธานเขตคณารักษ์
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๘ มีนาคม ๒๕๖๒
 
บทคัดย่อ



การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๓๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๓๐ จำแนกตามตำแหน่งการทำงาน วุฒิการศึกษา และอายุ ๓) เพื่อหาแนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๓๐ ซึ่งเป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน จำนวน ๓๒๕ คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางของ Krejcie and Morgan และกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๒๐ คนโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น .๙๘ และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test และ F-test แบบ One-Way ANOVA

ผลการวิจัยพบว่า

๑. การบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ พบว่า โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันตามหลักอิทธิบาท ๔ และ ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ ตามลำดับ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลักอิทธิบาท ๔

๒. การเปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ จำแนกตามตำแหน่งการทำงาน วุฒิการศึกษา และอายุ พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑

๓. แนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ ตามหลักอิทธิบาท ๔ พบว่า มีดังนี้ ๑) ด้านการจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ควรมีการวางแผนในการส่งเสริมและชี้แนะแนวทางให้นักเรียนมีความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ๒) ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันตามหลักอิทธิบาท ๔ ควรมีความพอใจในการนำสื่ออิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในภายในสถานศึกษา ๓) ด้านการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ควรส่งเสริมให้ครูมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองอยู่เสมอ ติดตามข่าวสารบ้านเมือง และจะต้องเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ความสามารถให้มากยิ่งขึ้น ๔) ด้านการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาและการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ควรเน้นการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา การจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีความยืดหยุ่น หลากหลาย สามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ๕) ด้านการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ควรมีการวางแผนจัดโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการโรงเรียนสีเขียว โครงการรักษ์โลก รักษ์พลังงาน ๖) ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ควรมุ่งเน้นการประสานงาน ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียน

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕